Administrator
เขียนเมื่อวันที่ : 16 Dec 2024
รู้เท่าทันเพื่อป้องกันการติดเชื้ออะดีโนไวรัส (Adenovirus) ในเด็ก
ไวรัสอะดีโน (Adenovirus) เป็นกลุ่มของไวรัสที่มักเกิดขึ้นในเด็กพบบ่อยในกลุ่มเด็กอายุ 6 เดือน – 5 ปี สามารถแพร่กระจายได้ง่าย โดยมีหลายช่องทาง เช่น การสัมผัสโดยตรงกับผู้ที่ติดเชื้อ หรือผ่านทางอากาศจากการไอหรือจาม
อาการของไวรัสอะดีโนในเด็ก
ไวรัสอะดีโนสามารถทำให้เกิดอาการหลายรูปแบบในเด็ก ได้แก่ :
- อาการตาแดง มีน้ำตาไหล เจ็บตา
- อาการหวัด ไอแห้งๆ หายใจลำบาก หายใจหอบเหนื่อย นอนกรน รวมถึงอาการเช่น ไอ คัดจมูก น้ำมูกไหล ทางเดินหายใจ และอาการเหนื่อยล้า
- เจ็บคอหรือภาวะอักเสบในลำคอ ทำให้เจ็บคอ มีไข้ และอาจมีปัญหาในการกลืน
- บางรายจะมีอาการท้องเสีย อาเจียน และไข้
การติดต่อและการแพร่กระจาย
ไวรัสอะดีโนสามารถแพร่กระจายได้หลายช่องทาง รวมถึง :
- การสัมผัสโดยตรง:กับผู้ที่ติดเชื้อ เช่น การจับมือ
- การแพร่ผ่านทางอากาศ : เช่น จากการไอหรือจาม
- การสัมผัสพื้นผิวที่ปนเปื้อน : เช่น ของเล่น หรือ สิ่งของใช้ส่วนตัว
การป้องกัน
การป้องกันไวรัสอะดีโนในเด็กควรเน้นไปที่การลดการสัมผัสกับเชื้อและการเสริมสร้างสุขภาพที่ดี:
- การล้างมืออย่างถูกวิธี : ป็นวิธีหลักในการป้องกันการติดเชื้อ โดยเฉพาะก่อนรับประทานอาหารและหลังจากไปห้องน้ำ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิด : กับผู้ที่มีอาการของการติดเชื้อ
- การใช้ผ้าปิดปากและจมูก : เมื่ออยู่ใกล้ผู้ที่มีอาการป่วย
- การทำความสะอาด : พื้นผิวที่มีการสัมผัสบ่อยครั้งด้วยสารฆ่าเชื้อ
การตรวจวินิจฉัยอาการ
ตรวจวินิจฉัยโรคโดยส่ง PCR for adenovirus และส่ง nasal swab หา antigen จากทางเดินหายใจ
การรักษา
สำหรับการรักษาโรคที่เกิดจากไวรัสอะดีโนในเด็ก รักษาตามอาการ ไม่มียาต้านไวรัส
- การให้น้ำและของเหลว : เพื่อป้องกันการขาดน้ำจากอาการท้องเสียหรืออาเจียน
- การใช้ยาลดไข้ : เช่น พาราเซตามอล สำหรับบรรเทาอาการไข้และความไม่สบาย
- การพักผ่อน : การพักผ่อนเพียงพอสามารถช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายต่อสู้กับเชื้อไวรัสได้ดีขึ้น
โดยรวมแล้ว การตระหนักและการดำเนินการตามขั้นตอนการป้องกันที่เหมาะสมสามารถช่วยลดการแพร่กระจายของไวรัสอะดีโนในเด็กได้ หากอาการรุนแรงหรือไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม
อ้างอิงแหล่งที่มา : โรงพยาบาลพญาไท 3